3.14.2009

Office Talk,Complaining - Past Continuous Tense




เรื่องภาษาอังกฤษในออฟฟิศนี่พูดได้ไม่มีวันหมด เพราะมีทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน ซึ่งแยกออกได้หลายประเภท อาทิ ภาษาพูดในชีวิตการทำงานประจำวัน หรือภาษาที่ใช้เจรจาต่อรองทางธุรกิจ ซึ่งต้องเรียนกันเป็นเรื่องเป็นราวเป็น course เลยละ

ภาษาเขียนก็เช่นเดียวกัน เขียนเพื่อจุดประสงค์ต่างกัน ก็ต้องใช้ภาษาต่างกัน เช่น ถ้าเขียนโฆษณาจะใช้ภาษาเยิ่นเย้อ ยืดยาวไม่ได้ เสียค่าสื่อหมดตัวกันพอดี ถ้าจะบันทึกรายงานการประชุมก็ต้องเขียนแบบ Formal ใช้ภาษาให้เหมาะสม

ถ้าจะว่าไปแล้ว ภาษาที่ใช้ในการเขียนแบบธุรกิจที่นับว่าง่ายกว่าภาษาเขียนประเภทอื่นๆ เพราะมีรูปแบบ (pattern) ให้จำไปใช้ได้

ภาษาพูดก็ง่าย เพราะจุดประสงค์คือการสื่อสารให้ได้ความเท่านั้น ภาษาที่ใช้จึงเป็นภาษาที่เราใช้ในชีวิตประจำวันเป็นส่วนใหญ่ เวลาสอนวิชาที่ว่าด้วยการเขียนทางธุรกิจ หัวใจสำคัญของการสอนคือเรื่องของการใช้ภาษานี่แหละ ต้องหัดใช้ภาษาที่เป็น everyday language ให้คล่องก่อนลงมือเขียนจดหมาย (correspondence) หรือบันทึกข้อความ (memo)

จำไว้ว่าในแวดวงธุรกิจ แนวคิดที่วา Time is money เวลาเป็นเงินเป็นทอง เป็นของมีค่านั้นยังใช้ได้อยู่เสมอ ฉะนั้นเวลาเขียนข้อความทางธุรกิจต้องยึดหลักสั้นกระชับ (conciseness) แต่ต้องได้ใจความสมบูรณ์ (completeness) ไม่ใช่ว่าพอบอกให้เขียนสั้นๆ ก็สั้นซะจนอ่านไม่เข้าใจ ประหยัดถ้อยคำอย่างนั้น ก็จะสื่อกันไม่รู้เรื่อง ต้องเดือดร้อนเขียนถามกลับไปกลับมาอยู่นั่นเอง ที่ว่าจะทำใปห้เร็วเลยกลายเป็นช้าไปเสียนี่

จะยกตัวอย่างภาษที่ใช้ในการเขียนข้อความทางธุรกิจมาให้ดูสักสองสามคำ

หลักของการใช้ภาษาประการแรก คือ ต้องใช้ในคำที่ใช้ในภาษาพูด ไม่ใช่ภาษาเขียน เช่น เวลาที่จะบอกเพื่อนร่วมงานว่าวันนี้ทำงานที่ด้รับมอบหมายเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว จะพูดว่า I’ve finished all my work. หรือ I’ve done my job. ฉันทำงานเสร็จเรียบร้อยดีแล้วนะจ๊ะ จะไม่ใช้ว่า I’ve accomplished ally work. เพราะคำว่า Accomplish มีความหมายเช่นเดียวกับ finish หรือ do นั่นแหละ แต่จะใช้ภาษาเขียนมากกว่าภาษาพูด คำเช่นนี้จัดเป็น fancy words หรือ big words ใช้อย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ในชีวิตประจำวัน

ถ้าจะพูดว่า “ให้” ก็ใช้ give ตรงไปตรมา ไม่ต้องใช้คำว่า render ซึ่งเป็นทางการมากกว่า เช่น แทนที่จะบอกว่า I will render all the assistance you need. ฟังแล้วเข้าใจง่ายๆ ว่าจะให้ความช่วยเหลือ ไม่ต้องเสียเวลาไปเปิดพจนานุกรมดูอีกทีว่า render กับ assistance แปลว่าอะไร (บางคนคติดว่าการใช้คำที่ไม่ค่อยได้ยินหรือเคยเห็นนี่เก๋ดี ดูว่ามีภูมิยังไงไม่รู้) ถ้าเป็นการเขียนบทความทางวิชาการ O.K. ค่ะ แต่ถ้าเป็นการเขียนเชิงธุรกิจที่ต้องสื่อความ (convery the message) ให้ได้มากที่สุด ถูกต้องที่สุดและรวดเร็วที่สุด ต้องใช้ภาษาง่ายๆ คะ

การอ่านมาก ฟังมาก ทำให้คำศัพท์ของเราเพิ่มพูนมากขึ้น แต่ต้องเลือกนำมาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์อย่างไร ถ้าอยู่ในการประชุม แน่นอนภาษาต้องเป็นทางการ (formal) แต่ถ้าเป็นการพูดคุยกันในหมู่เพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน ระดับของภาษาก็ต้องลดลงมาเป็นภาษาพูดที่ใช้กันในระดับเพื่อน ถ้าใช้คำพูดสูงส่งมากเกินไปเพื่อนก็ไม่เข้าใจ พอดีพอร้ายจะพานหมั่นไส้ เลิกคบกันไปเสียอีก เพราะพูดด้วยแล้วไม่รู้เรื่อง

อย่าให้เป็นเหมือนเพื่อนชายของผู้เขียนเลย...รายนี้เรียนเก่ง พูดภาษาอังกฤษเพราะมาก ถ้าไม่เห็นหน้านึกว่าฝรั่งแน่นอน สำเนียงดีมาก แต่มีปัญหาเรื่องการสนทนากับบุคคลทั่วไป ด้วยศัพท์ของเธอแต่ละคำพูดสูงส่งเหลือกำลัง เพราะเธอเรียนเก่ง อ่านหนังสือมากมาตั้งแต่เด็ก

วันหนึ่งจึงได้เรื่อง...เธอสนทนากับฝรั่งได้ครู่เดียว ฝรั่งทำหน้าอึดอัดใจมาก แล้วค่อยๆ พูดอย่างสุภาพว่า “Please don’t talk like a book.” “นี่ครูครับ...ขอร้องเถอะ อย่าพูดเหมือนหนังสือเลย” (ฝรั่งคงนึกต่อในใจว่า โอ๊ย! ฟังไม่รู้เรื่องเวียนหัว) นี่เรื่องจริง

การใช้คำศัพท์สูงมากเกินไปทำให้คนฟังลำบากใจได้เหมือนกัน แล้วใครจะมาคบหาสมาคมกับเขาล่ะ

หากคุยกันแล้วต้องเปิด Dictionary ไปด้วย...หมดสนุกกันพอดี!

http://women.sanook.com/work/english/eng_01271.php





Past Continuous Tense

โครงสร้าง: Subject + was, were + V-ing + Object

ประธาน กริยาช่วย กริยาหลักช่อง 1+ing
+ I was watching TV.
+ You were working hard.
- He, she, it was not helping Mary.
- We were not joking.
? Were you being silly?
? Were they playing football?

การใช้

ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างซึ่งกำลังดำเนินอยู่พร้อมๆกันในอดีต โดยมีเวลาในอดีตกำกับ
I was working at 10pm last night.
They were not playing football at 9am this morning.
What were you doing at 10pm last night?
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างซึ่งกำลังดำเนินอยู่พร้อมๆกันในอดีต โดยเหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ ( Past Progressive ) ก็มีอีกเหตุการณ์เกิดขึ้น ( Simple Past) มักมีคำเชื่อมประโยค when, while ,as
What were you doing when he arrived?
She was cooking when I telephoned her.
We were having dinner when it started to rain.
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างซึ่งกำลังดำเนินอยู่พร้อมๆกันในอดีต โดยไม่ระบุว่าเหตุการณ์ใดเกิดก่อน ใช้ Past Progressive ทั้ง2 ประโยค
I was studying while he was making dinner.
While Ellen was reading, Tim was watching television.
ใช้ลอยๆ กับเหตการณ์เดียวได้ในกรณีที่มีคำบอกช่วงเวลากำกับไว้ในประโยค หรือใช้ในการเล่าเรื่อง
I was writing all day yesterday.
" James Bond was driving through town. It was raining. The wind was blowing hard. Nobody was walking in the streets. Suddenly, Bond saw the killer in a telephone box..."

หมายเหตุ เปรียบเทียบการใช้ Simple Past และ Past Continuous Tense
Last night at 6 p.m., I ate dinner.
(เมื่อวานนี้ ฉันเริ่มรับประทานอาหารเย็น 18.00 น.)

Last night at 6 p.m., I was eating dinner.
(เมื่อวานนี้ตอน18.00น. ฉันกำลังอยู่ระหว่างการรับประทานอาหารเย็น .)